Saturday, February 21, 2015

โครงการคลองขุดในนิคารากัว

 คลองนิคารากัวจะทำให้ประเทศ BRICS เข้มแข็งขึ้น

 เยคัธรินา   บลิโนวา

โครงการคลองขุดนิคารากัว    จะลดทอนอิทธิพลของสหรัฐฯในลาตินอเมริกาและการควบคุมเส้นทางลัดมหาสมุทร   ส่งผลให้ประเทศภาคี บริคส์(BRICS / Brazil   Russia India China South africa)   ส่งให้จีนและรัสเซียโดดเด่นในภูมิภาคนี้

โครงการคลองขุดนิคารากัวได้จุดประกายให้แก่วงการสนทนากันอย่างกว้างขวางในโลกตะวันตก  ซึ่งหวั่นวิตกกับเส้นทางเชื่อมต่อมหาสมุทรนี้จะเป็นตัวทำลายสถานะทางภูมิศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ อเมริกาในทวีปอเมริกาใต้    และจะเป็นการลดทอนอิทธิพลของสหรัฐฯในซีกโลกตะวันตก

นักวิเคราะห์ฟันธงว่า  หากโครงการใหม่นี้สำเร็จเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์  จะเป็นการเปลี่ยนเส้นทางของ สินค้าจากมหาสมุทรหนึ่งสู่อีกมหาสมุทรหนึ่งจะสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างเอเซียกับอเมริกา ใต้    พวกเขาเห็นว่าประเทศที่จะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากโครงการนี้ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวเนซูเอลลา บราซิล อาร์เจนตินาและรัสเซีย   ในขณะเดียวกันเส้นทางใหม่นี้น่าจะทำให้ผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ปานามา และเม๊กซิโก ถดถอยลง

แน่นอน..โครงการนี้จะเป็นคู่แข่งขันของคลองปานามา   ที่เป็นเส้นทางน้ำที่เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิคและแอตแลนติคที่ได้ใช้บริการกันมานานเป็นเสมือนท่อถ่ายเทสินค้าและการเดินเรือ     มันเป็นเส้นทางเลือกที่ดีกว่าคลองปานามาเอง      คลองนี่จะมีความยาว 172 ไมล์ หรือประมาณ 278 กิโลเมตรและมีความลึก 90 ฟุต หรือประมาณ 27.6 เมตร  สามารถรับเรือขนาดระวางบรรทุกขนาด 400,000 ตัน  ให้ผ่านไปได้ตลอด     ทำให้มั่นใจได้ว่าเส้นทางใหม่นี้จะสามารถลดค่าขนส่งได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์  สำหรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ที่แล่นระหว่างอเมริกา เอเชีย และยุโรป    ในขณะที่คลองปานามาสามารถรับเรือที่มีระวางบรรทุกได้แค่ 60,000 ตัน   และหลังจากมีการปรับปรุงใหม่ก็สามารถรับได้แค่ 130,000 ตันเท่านั้น

บรรดาผู้เชี่ยวชาญได้ให้ข้อสังเกตว่าแนวคิดเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นกลุ่มบริษัทจีน-นิคารากัว HKND (Hong Kong  Nicaragua Canal Development Investment Co Ltd)   ได้ทำสัญญาค้ำประกันโครงการนี้ในราคา 50,000 ล้านเหรียญ    และสนองตำแหน่งงานถึง 50,000 ตำแหน่ง   และคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในปี 2020

ตั้งแต่ปี 1904สหรัฐฯ ได้ควบคุมเส้นทางเดินเรือระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิคกับแอตแลนติคไว้โดยสิ้น เชิง   โดยประกาศให้ปานามาเป็นดินแดนในอารักขา     เป็นที่สังเกตุว่าระหว่างปี 1912 และ  1933    นิคารากัวถูกยึดครองโดยกองกำลังอเมริกัน     เพื่อป้องกันมิให้ชาติอื่นๆมาสร้างเส้นทางอื่นมาแข่งขันกับคลองปานามาที่เชื่อมมหาสมุทรที่อเมริกาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์      แม้ว่าประเทศปานามาจะได้คืนสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของคลองเมื่อ เดือนธันวาคม 1999  และคืนที่ตั้งฐานทัพสหรัฐให้แก่อำนาจท้องถิ่นแล้วก็ตาม      แต่สหรัฐยังเป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริง ในเขตคลองและยังคงถูกจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิดจากวอชิงตัน   

เชื่อแน่ว่า...สหรัฐฯ จะต้องแสดงความไม่พอใจต่อโครงการนี้   และจัดอยู่ในประเภทที่น่าเคลือบแคลง คลังสมองของสหรัฐฯจะต้องสร้างแผนการอะไรขึ้นมาสักอย่าง      เพื่อใช้อ้างอิงเกี่ยวโยงเกี่ยวกับเรื่อง ”ความโปร่งใส” และ ”ประชาธิปไตย” ในนิคารากัว   เช่น  หลักการพื้นฐานของตลาดเสรี   การก่อกวน  โดยยั่วยุให้ประชาชนคัดค้านและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม   เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำกรุงมานากัวได้แถลงอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2515ว่า   “ เอกอัครราชทูตมีความเป็นห่วงในเรื่องการขาดแคลนข้อมูลและความโปร่งใสที่ดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องในหลายๆด้านของโครงการ”  และ “ในทุกๆขั้นตอนของโครงการเราเร่งให้มีการดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับ  เรื่องเงินลงทุน..ความเป็นไปได้  และปัญหาสิ่งแวดล้อม      ต้องเปิดโอกาสให้แก่บริษัทก่อสร้างต่างๆทั้งสัญชาติอเมริกาและสัญชาติอื่นๆ ได้มีส่วนร่วมในการประมูลงานและก่อสร้าง  ใช้หลักในการแก้ไขปัญหาเรื่องของทรัพย์สินและด้านอื่น ๆ - จะต้องกระทำอย่างเปิดเผยและโปร่งใส "

เมื่อเร็วๆนี้   มีความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและนิคารากัวได้กระชับความสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันประเทศ     ผู้สันทัดกรณีได้คาดการณ์เกี่ยวกับความมั่นคงของมานากัวในด้านการก่อสร้างคลอง     มีข้อสังเกตุคือระหว่างการมาเยือนนิคารากัวของนาย เซอร์ไก  ชอยกู  รัฐมนตรีป้องกันประเทศของรัสเซียเมื่อเร็วๆนี้    นิคารากัวเข้าร่วมลงนามในข้อตกลงระหว่างชาติด้วยการทำสัญญาแบบทวิภาคีด้านความร่วมมือทางด้านเทคนิค และการทหาร   โดยเฉาะอย่างยิ่งเรือรบของรัสเซียได้รับอนุญาตให้ใช้ท่าเรือต่างๆในอเมริกาใต้ได้

การก่อสร้างคลองนิคารากัวใหม่ จะสามารถยกระดับภูมิรัฐศาสตร์ของภูมิภาคนี้ให้เกิดความสมดุลมากขึ้น    จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มประเทศ บริคส์  โดยเฉพาะจีนและรัสเซียในระดับชี้ขาดทางยุทธศาสตร์แห่งภูมิภาค    ในขณะเดียวกันก็เป็นการคุกคามผลประโยชน์ของสหรัฐฯโดยตรงทั้งด้านการเมืองและ เศรษฐกิจ   เป็นการทลายการครอบงำที่มีมาอย่างยาวนานในซีกโลกตะวันตก