ยุทธศาสตร์ทางการทหารของจีน “เราจะตอบโต้ หากถูกโจมตี”
โดย ...สตีเฟน เลนด์แมน จาก
โกลบอล รีเสิร์ช
วันที่ 26 พฤษภาคม สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนได้พาดหัวข่าวว่า “จีนประกาศแผนทางการทหารในการป้องกันทางยุทธศาสตร์อย่างเป็นจริง” โดยแถลงในอย่างเป็นทางการในสมุดปกขาวที่ออกโดยสำนักงานข่าวสารแห่งชาติเรื่อง “ยุทธศาสตร์ทางการทหารของจีน” และได้ให้คำมั่นว่า “จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับองค์กรรักษาความปลอดภัยระหว่างประเทศ” ย้ำถึง “หลักการเบื้องต้นในการป้องกันตนเองและเตรียมการตอบโต้” โดยแถลงว่าจีนไม่ได้ก้าวร้าว แต่จะตอบโต้หากถูกโจมตีก่อน
จีนมุ่งเน้นในหลักการ “ชนะในสงครามเฉพาะแห่ง” ให้ความร่วมมือกับนานาประเทศในการรักษาความปลอดภัย จะเน้น "ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของจีนในต่างประเทศ" จากประเด็นหลักสี่ประการในความปลอดภัยของดินแดนในปกครอง ทั้งในมหาสมุทร อวกาศ ขอบเขตทางไซเบอร์ และอำนาจทางนิวเคลียร์ กองทัพเรือจีนจะทำการปกป้องทั้งบริเวณชายฝั่งและในน่านน้ำในทะเลเปิด ความปลอดภัยในด้านไซเบอร์ต้องเป็นเรื่องแรก ปักกิ่งไม่เห็นด้วยกับการติดตั้งอาวุธในอวกาศ และให้คำมั่นว่าจะปกปกป้องทรัพย์สินของตนในด้านอวกาศด้วย และสัญญาว่าจะไม่แข่ง ขันในด้านอาวุธนิวเคลียร์กับประเทศอื่น โดยคำนึงถึงสันติภาพและความมั่นคงของโลกเป็นด้านหลักไม่มีความต้องการในการขยายอำนาจทางการทหาร
จีนต่อต้านลัทธิครองความเป็นเจ้าและอำนาจทางการเมืองในรูปแบบอื่นๆ จีนต้องเผชิญกับการคุกคามในหลายรูปแบบที่มีความซับซ้อน รวมไปถึงการปรากฏขึ้นของกองกำลังที่ผิดกฎหมายในเขตปก ครองของจีนและขบวนการภายนอกที่มีส่วนร่วมในกรณีทะเลจีนใต้ อ้างถึงการมีส่วนเข้าร่วมของสหรัฐ อย่างชัดเจน จีนพิจารณาถึงการยั่วยุและไม่อาจยอมรับได้ในกรณีที่เครื่องบินบินสำรวจของสหรัฐในทะเลจีนใต้ เพนตากอน ได้อนุมัติให้เครื่องบิน P-8A-โพไซดอน บินสอดแนมในบริเวณพื้นที่พิพาทเป็นประจำ วันที่ 25 พฤษภาคม หนังสือพิมพ์ โกลบอล ไทมส์ ของรัฐได้แถลงเตือนอย่างตรงๆว่า
“ถ้าสหรัฐคิดว่ามันมีความสำคัญ(ต่อสหรัฐ)ที่จีนจะต้องจะยับยั้งการเคลื่อนไหวทุกชนิดแล้ว สงครามระหว่างจีนกับสหรัฐในทะเลจีนใต้ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” จีนไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากรบในการตอบโต้กับการยั่วยุของสหรัฐ น่านน้ำของจีนย่อมเป็นของจีน ในข่าวกล่าวว่าจีนจะไม่อด ทนต่อการแทรกแซงของสหรัฐในสิ่งที่ไม่ใช่เป็นกรรมสิทธิ์ของสหรัฐ จีนให้ความสำคัญต่อการเพิ่มบทบาทของอเมริกาในย่านเอเชีย-แปซิฟิค เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนโยบายฟื้นฟูกองทัพและมาตรการรักษาความปลอดภัยของญี่ปุ่นที่วอชิงตันให้ความร่วมมือสนับสนุนอยู่...หนังสือปกขาวระบุว่า ”พลังที่ต่อต้านจีนไม่เคยละเว้นเลยสักวันที่จะกระตุ้นให้เกิดการปฏิวัติสี*ขึ้นในจีน (*การต่อต้านรัฐบาลโดยใช้ สี หรือ ดอกไม้ เป็นสัญญลักษณ์ในการเคลื่อนไหว) ”
ความเสี่ยงในการเกิดสงครามนั้นมีความเป็นไปได้จริง วุฒิสมาชิกสายเหยี่ยวของสหรัฐมีความต้อง การและยอมรับนโยบายต่อต้านจีนอย่างครอบคลุมในทุกมิติ จดหมายของพวกเขาที่มีถึงรัฐมนตรีกลาโหม แอชตัน คาร์เตอร์..มีใจความว่า เป็นความเสี่ยงที่สมควรพิจารณาเพื่อผลประโยชน์อันยั่งยืนของสหรัฐรวมไปถึงพันธมิตรของเรา... พวกเขาต้องการท้าทายจีนในโลกที่คิดว่าเป็นของตน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะก่อสงคราม ด้านหนึ่งก็กล่าวประณามกองทัพจีนที่เคลื่อนไหวในอาณา เขตของตนเอง อีกด้านหนึ่งก็ละเลยที่จะกล่าวถึงภัยคุกคามของฐานทัพสหรัฐ อาวุธนิวเคลียร์ และ และกำลังพลหลายหมื่นนายที่ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนจีน ซึ่งถือว่าเป็นการคุกคามต่อความปลอดภัยของจีนโดยตรง
อาทิตย์ที่ผ่านมา กองบัญชาการภาคพื้นแปซิฟิคของสหรัฐ (PACOM) ได้เชิญผู้แทนทางการทหารจาก 22 ประเทศในภูมิถาคเอเซีย/แปซิฟิค ไปประชุมที่ฮาวายโดยไม่มีตัวแทนจากประเทศจีน ในที่ประชุมได้พิจารณาถึงยุทธศาสตร์ทางการทหาร โดยเฉพาะกองกำลังสะเทินบกสะเทินน้ำ ยุทธวิธี และสมรรถนะในทางการรบ และมีการสาธิตแสดงการจู่โจมของนาวิกโยธินอเมริกันให้ชมด้วย
วอชิงตันมีความต้องการที่จะสนธิกำลังในการปฏิบัติการของหน่วยสะเทินบกสะเทินน้ำ ของบรรดาชาติต่างๆในภูมิภาคเอเซีย/แปซิฟิค เพื่อรวมกำลังในการต่อต้านความเข้มแข็งและอิทธิพลของจีนที่นับวันจะเติบโตขึ้นในภูมิภาคนี้ แอชตัน
คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐกล่าวว่า
วอชิงตันจะขยายกำลังควบคุมในขอบมหาสมุทรแปซิฟิค รวมไปถึงหมู่เกาะสแปรตลี่
ที่จีนอ้างสิทธ์ในการเป็นเจ้าของและกำลังก่อ สร้างโครงการเกาะเทียม
(เกาะที่สร้างขึ้นโดยการถมทะเล) บนแนวปะการัง
พลเรือเอก แฮรี่ แฮริส ผู้บัญชาการกองเรือภาคพื้นแปซิฟิคได้กล่าวหาปักกิ่งว่า สร้างกำแพงใหญ่บนทรายในพื้นที่พิพาททั้งหมด 1.5 ตารางไมล์ เขายืนยันว่า “ขอบเขตและแนวทางการสร้างเกาะจากฝีมือมนุษย์นั้นจะก่อให้ เกิดปัญหาที่ใหญ่หลวงให้กับแรงบันดาลใจของจีน” “ไม่ว่าจีนจะทำอย่างไร ก็จะเป็นตัวบ่งชี้ของภูมิภาคไม่ว่าจะมุ่งหน้าไปทางเผชิญหน้าหรือการให้ความร่วมมือ” แฮริส กล่าว
อเมริกาเสี่ยงในการเข้าร่วมก่อสงครามเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่ได้เรียนรู้อย่างถ่องแท้ต่อความพ่ายแพ้ในสงครามเกาหลีและในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เลย
จีนอ้างสิทธิ์(ที่สามารถโต้แย้งได้)จะก่อสร้างในเขตน่านน้ำของตน.จีนกล่าวว่า “ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจีนมีอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะหนานชา(หมู่เกาะ
สแปรตลี่) และน่านน้ำรอบๆ ” วอชิงตันไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในดินแดนส่วนที่มิใช่ของตน
สแปรตลี่) และน่านน้ำรอบๆ ” วอชิงตันไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในดินแดนส่วนที่มิใช่ของตน
นางหัว จุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนออกมาแถลงว่าอเมริกาควรจะหลีกเลี่ยงการปลุกปั่นเพื่อดำรงไว้ซึ่งความมั่นคงและสันติภาพของภูมิภาคนี้ เธอย้ำว่า จีนจะปกป้องอธิปไตยในดิน แดนของจีน ไม่มีอำนาจที่ก้าวร้าวใดๆจะมาเปลี่ยนแปลงได้ ในระยะยาว..การกระทำที่เกินขอบเขตของสหรัฐอาจนำมาซึ่งการเผชิญหน้าโดยตรงกับจีน ความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งนั้นเป็นจริงขึ้น
กำจร....
แปล