สหรัฐอมเริกาโอ้อวดว่าเรือ ”แบทแมน”
เป็นสนามในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของโอบามา
เรือพิฆาต ซุมเวลท์
บรรดาเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ กำลังเฝ้ารอ “ซุปเปอร์ฮีโร่” ที่พวกเขาเชื่อว่าจะรักษาเพื่อรักษาระเบียบ ความปลอดภัยของเอเชียภายหลังสงครามในการเผชิญหน้ากับการรุกคืบของจีนที่กำลังขยายตัวมากขึ้น
“ถ้าซุปเปอร์ฮีโรคือเรือ ก็มันนี่แหละ” พลเรือเอก แฮรี่ แฮริส ผู้บัญชาการภาคพื้นแปซิฟิค ของกอง ทัพสหรัฐฯ
ได้กล่าวต่อผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียในกรุงวอชิงตันเมื่อเดือนที่ผ่านมา เขาชี้ให้เห็นถึงการเลื่อนเวลาเข้าประจำการของเรือพิฆาตชั้นDDG-1000 ซุมเวลท์ ที่ใหญ่และลึกลับที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ ว่า “ทุกๆอย่างเป็นเรื่องใหม่และค่อยเป็นค่อยไปที่สหรัฐฯกำลังพัฒนาเพื่อการก้าวไปยังเอเซียแปซิฟิค”
คำอธิบายของแฮรี่ แสดงถึงแนวโน้มในการสร้างสมดุลทางการทหารในเอเซียของ บารัค โอบามา ซึ่งเตรียมตัวในการเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำจาก10 ประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียนที่ ซันนี่แลนด์ เอสเตทในแคลิฟอร์เนียในสัปดาห์หน้า โอบามาพยายามสร้างอิทธิพลความมั่นคงหลังจากการบริหารงานของ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช และคนอื่นๆที่รวมศูนย์อยู่เพียงตะวันออกกลางมากกว่าที่อื่นๆ ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ในปี 2009 จีนได้แซงหน้าญี่ปุ่นจนกลายไปเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มประเทศอาเซียนไปแล้วหลังจากได้เข้ามาแทนที่สหรัฐฯเมื่อปีก่อนนี้
เออร์เนสท์ โบเวอร์ ที่ปรึกษาอาวุโส ของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศ ในกรุงวอชิงตันได้กล่าวว่า การประชุมสุดยอดที่คฤหาสน์ใหญ่เนื้อที่กว่า 200 เอเคอร์ นั้น บรรดาผู้นำคนต่างๆสามารถใช้เวลานอกรอบอย่างไม่เป็นทางการกับโอบามา ได้อย่างสะดวก โอบามาเคยเลือกคฤหาสถ์ ซันนี่แลนด์ เป็นที่หารือกับ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีคนใหม่ของจีนอย่างเป็นกันเองเมื่อปี 2013
โบเวอร์ กล่าวต่อไปว่า...”ทำเนียบขาวมองว่าการใช้ ซันนี่แลนด์ นั้นเป็นการปฏิบัติที่มีความเป็นพิเศษอย่างยิ่ง เป็นสถานที่ซึ่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯเดินทางจากวอชิงตันเพื่อใช้เวลาสองวันเต็มๆโดย เฉพาะเพื่อพบปะกับบรรดาผู้นำทั้งหลาย
การประชุมเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลใจในวอชิงตัน ว่าจีนจะยกระดับความกดดันสหรัฐฯให้สละพื้นที่ สี จิ้น ผิง มักจะพูดอยู่บ่อยครั้งในเรื่องรูปแบบของ ”ความสัมพันธ์ของมหาอำนาจ” และการ ทหารว่า จะเป็นการดีกว่าหากจะแสวงหาการเกื้อหนุนกันทางเศรษฐกิจมากกว่าที่จะเป็นโครงการส่งกองกำลังเพื่อสร้างอิทธิพลไว้นอกภูมิภาค ภายใน 2030 กรณีพิพาททะเลจีนใต้จะกลายเป็น ”ทะเลสาบของจีน” ซึ่งเป็นผลมาจากการแสดงตัวของจีนอย่างสม่ำเสมอและเป็นการเสริมอิทธิพลของตนในภูมิภาค.....จากคำรายงานของศูนย์ศึกษายุทธ- ศาสตร์และการต่างประเทศ (CSIS/ Center for Strategic and International Studies, ) ซึ่งออกมาเมื่อเดือนก่อน และนั่นจะมีผลด้านกลับต่อมาตรการด้านความมั่นคงแทนที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงคราม โลกครั้งที่สอง.. สหรัฐฯก็ครองความเป็นเจ้าทะเลในเอเซียอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
เรือพิฆาต ซุมเวลท์
ในขั้นตอนสุดท้ายที่อู่ต่อเรือพอร์ทแลนด์
“การละเลยที่แสนดี”
นาง เทวี ฟอร์ตูนา อันวาร์ นักวิทยาศาสตร์การเมืองจากสถาบันวิทยาศาสตร์ชาวอินโดนีเซีย ได้กล่าวว่า “การบริหารงานของบุชได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า การละเลยต่อภูมิภาคนี้เนื่องมาจากการเข้าไปยึดครองอัฟกานิสถานและตะวันออกกลาง”... “ ไม่ควรมองว่าภูมิภาคไหนมีความสะดวกสบายเพียงชั่วครั้งชั่วคราว คุณไม่อาจรักษาความสัมพันธ์ได้เพียงแค่มองไปรอบ ๆตัว และจะให้ความสนใจก็ต่อเมื่อคุณต้องการเพื่อนเท่านั้น ".
อเล็กซานเดอร์ ซุลลิแวน ผู้ปฏิบัติงานศูนย์รักษาความปลอดภัยในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า โอบามาแสวงหาความเป็นเอกภาพในอาเซียนมากกว่าจีน ข้อเรียกร้องของจีนในพื้นที่ทะเลจีนใต้.. มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ถูกคัดค้านโดยประเทศต่างๆเช่น บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม สองปีที่ผ่านมาจีนได้อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทางทะเลไปแล้วถึง 3,000 เอเคอร์ เป็นบริเวณของเส้นทางเดินเรือในซึ่งแต่ละปีมีมูลค่าถึง 5,000,000,000,000 ดอลลาร์ และได้มีการก่อสร้างฐานทัพด้วย
ในขณะที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามได้ทำการคัดค้านในเรื่องนี้ ประเทศอาเซียนอื่นๆต่างต้องการให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกับจีนที่มีพลังศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจ ในเดือนพฤศจิกายน รัฐมนตรีกลาโหมของประเทศสมาชิกอาเซียนต่างประสบกับความล้มเหลวในการเจรจากันในการประชุม ท่าม กลางการแถลงข่าวของจีนที่คัดค้านเกี่ยวกับกรณีพิพาท ซึ่งคล้ายคลึงกับความล้มเหลวของการประชุมระดับผู้นำในกัมพูชาเมื่อปี 2012
ความสัมพันธ์ทางการค้าของจีนและสมาคมอาเซียน
ซุลลิแวน กล่าวว่า..”สหรัฐฯมีความพยายามที่จะให้ประเทศกลุ่มอาเซียนรวมเป็นเสียงเดียวร่วมกันในกรณีทะเลจีนใต้”.... “มันไม่ควรจะแยกกันเจรจาทีละประเทศอย่างที่จีนคิด”
อินโดนีเซียไม่ได้มีส่วนพิพาทในกรณีทะเลจีนใต้ และต้องการให้มีการแก้ปัญหาด้วยการเจรจา ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ได้กล่าวกับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก ในสัปดานี้
เขากล่าวว่า...”ถ้าภูมิภาคนี้ไม่มีความมั่นคง ภาวะเศรษฐกิจจะตกอยู่ในความยุ่งยาก...อินโดนีเซียต้อง
การจะมีบทบาทให้มากขึ้นในการแก้ปัญหาเรื่องทะเลจีนใต้”
นางอันวาร์ ที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดี บีเจ ฮาบีบี ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า...กลุ่มผู้นำอาเซียนอาจจะเห็นด้วยกับสหรัฐฯ ถึงการให้สัตยาบันในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ที่จีนเองก็ได้ร่วมลงนามด้วย ....” ถ้าเราพูดกันด้วยความเคารพในกฎเกณฑ์ของกฎหมาย และข้อบังคับ การเดินเรือของกลุ่มอนุสัญญาที่ว่าด้วยการเดินเรือของสหประชาชาติ (UNCLOS /United Nations Convention on the Law of the Sea ) แล้ว ในมือของสหรัฐฯ ย่อมมีความเหนือกว่า มิใช่หรือ?”
บวกกับเหตุผลที่เมื่อเร็วๆนี้คือ ความหวังของการพิจารณาคดีในช่วงกลาง 2016- โดยศาลระหว่างประเทศเกี่ยวกับกรณีของฟิลิปปินส์ในการต้อสู้กับข้อเรียกร้องของจีนในทะเลจีนใต้ จีนปฏิเสธการ เจรจากับทั้งกลุ่ม (สมาชิกอาเซียน) เรียกร้องที่จะเจรจาข้อพิพาทแบบตัวต่อตัวเท่านั้น
การเดินสายของ จอห์น
เคอรี
จอห์น
เคิอรี
รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ
ได้เริ่มปูพื้นการประชุมที่ซันนี่แลนด์โดยการเยือนลาวในเดือนมกราคม ซึ่งจะเป็นประธานอาเซียนที่จะเวียนมาในปีนี้...และต่อไปยังกัมพูชาและสิ้นสุดการเดิน
ทางที่กรุงปักกิ่ง..ซึ่งได้พูดคุยเรื่องทะเลจีนใต้กับ นายหวัง ยี่ ออน รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเพียงเล็กน้อย
ไม่กี่วันต่อมาสหรัฐได้ส่งเรือรบเข้าไปยังน่านน้ำที่จีนอ้างสิทธิ์ เวียดนามและไต้หวัน ก็ได้ท้าทายอย่าง “ไม่หวั่นเกรง” โดยการเดินเรือเข้าไปยังน่านน้ำที่ทั้งสามประเทศอ้างสิทธิ์ เป็นครั้งที่สองภายในหกเดือน ที่สหรัฐฯ ท้าทายจีน โดยการเดินเรือในเขตน่านน้ำเสรี(ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นเขตน่านน้ำของตน)
โอบามามีความพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งความสัมพันธ์ที่มั่นคงทางด้านเศรษฐกิจกับกลุ่มประเทศอา
เซียน โดยชักชวนให้เข้าเป็นสมาชิกในองค์กร ทรานส์ แปซิฟิค(TPP/Trans Pacific Partnership)ซึ่งเป็นองค์กรทางเศรษฐกิจ-การค้าที่พยายามหว่านล้อมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าเป็นสมาชิกร่วมกับ บรูไน
มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม อินโดนีเซียและไทย
ก็ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมด้วย
เส้นทางสายไหม
ในด้านจีนได้ดำเนินโครงการ “เส้นทางสายไหมทางเรือในศตวรรษที่ 21” สร้างเครือข่ายด้านโครง สร้างพื้นฐานขึ้นในภูมิภาคพร้อมกับการก่อตั้ง “ธนาคารเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของเอเชีย”(AIIB / Asian Infrastructure Investment Bank) ที่รัฐบาลปักกิ่งให้การสนับสนุนอยู่ และในเดือนธันวาคม ฟิลิปปินส์ได้ตกลงในการเข้าร่วมกับ AIIB
แดเนียล คริตเตนบริงค์ ผู้อำนวยการอาวุโสทางด้านกิจกรรมเอเซียของสภาความมั่นคงแห่งชาติได้กล่าวสรุปย่อในวอชิงตันว่า “เป็นที่ชัดเจนว่า จำนวนประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของโลก... รายได้หนึ่งในสามของประชากรทั่วโลกและบางส่วนของกองทัพที่มีความเข้มแข็ง เป็นแนวโน้มที่เอเชีย-แปซิฟิค กำลังเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลก”......."นั่นจึงเป็นเหตุผล และจุดเริ่มต้นการบริหารของประธานาธิบดีโอบามาที่ได้จัดลำดับความสำคัญในการมีส่วนร่วมกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค."
No comments:
Post a Comment