Tuesday, February 23, 2016

สหรัฐอเมริกาโอ้อวดเรือ ”แบทแมน”

สหรัฐอมเริกาโอ้อวดว่าเรือ ”แบทแมน” เป็นสนามในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของโอบามา
David Tweed   February 11, 2016 — 6:01 PM EST Updated on February 12, 2016 — 2:33 AM EST          


                                                 เรือพิฆาต ซุมเวลท์

บรรดาเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ กำลังเฝ้ารอ “ซุปเปอร์ฮีโร่” ที่พวกเขาเชื่อว่าจะรักษาเพื่อรักษาระเบียบ ความปลอดภัยของเอเชียภายหลังสงครามในการเผชิญหน้ากับการรุกคืบของจีนที่กำลังขยายตัวมากขึ้น
“ถ้าซุปเปอร์ฮีโรคือเรือ  ก็มันนี่แหละ” พลเรือเอก แฮรี่  แฮริส   ผู้บัญชาการภาคพื้นแปซิฟิค ของกอง ทัพสหรัฐฯ  ได้กล่าวต่อผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียในกรุงวอชิงตันเมื่อเดือนที่ผ่านมา    เขาชี้ให้เห็นถึงการเลื่อนเวลาเข้าประจำการของเรือพิฆาตชั้นDDG-1000 ซุมเวลท์ ที่ใหญ่และลึกลับที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐฯ ว่า  “ทุกๆอย่างเป็นเรื่องใหม่และค่อยเป็นค่อยไปที่สหรัฐฯกำลังพัฒนาเพื่อการก้าวไปยังเอเซียแปซิฟิค”

คำอธิบายของแฮรี่ แสดงถึงแนวโน้มในการสร้างสมดุลทางการทหารในเอเซียของ บารัค โอบามา  ซึ่งเตรียมตัวในการเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำจาก10 ประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียนที่ ซันนี่แลนด์ เอสเตทในแคลิฟอร์เนียในสัปดาห์หน้า      โอบามาพยายามสร้างอิทธิพลความมั่นคงหลังจากการบริหารงานของ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช  และคนอื่นๆที่รวมศูนย์อยู่เพียงตะวันออกกลางมากกว่าที่อื่นๆ     ส่วนเรื่องของเศรษฐกิจก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน      ในปี 2009 จีนได้แซงหน้าญี่ปุ่นจนกลายไปเป็นคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มประเทศอาเซียนไปแล้วหลังจากได้เข้ามาแทนที่สหรัฐฯเมื่อปีก่อนนี้

เออร์เนสท์  โบเวอร์  ที่ปรึกษาอาวุโส ของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศ  ในกรุงวอชิงตันได้กล่าวว่า  การประชุมสุดยอดที่คฤหาสน์ใหญ่เนื้อที่กว่า 200 เอเคอร์ นั้น  บรรดาผู้นำคนต่างๆสามารถใช้เวลานอกรอบอย่างไม่เป็นทางการกับโอบามา ได้อย่างสะดวก    โอบามาเคยเลือกคฤหาสถ์ ซันนี่แลนด์ เป็นที่หารือกับ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีคนใหม่ของจีนอย่างเป็นกันเองเมื่อปี 2013

โบเวอร์  กล่าวต่อไปว่า...”ทำเนียบขาวมองว่าการใช้ ซันนี่แลนด์ นั้นเป็นการปฏิบัติที่มีความเป็นพิเศษอย่างยิ่ง   เป็นสถานที่ซึ่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯเดินทางจากวอชิงตันเพื่อใช้เวลาสองวันเต็มๆโดย เฉพาะเพื่อพบปะกับบรรดาผู้นำทั้งหลาย

การประชุมเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลใจในวอชิงตัน     ว่าจีนจะยกระดับความกดดันสหรัฐฯให้สละพื้นที่    สี จิ้น ผิง มักจะพูดอยู่บ่อยครั้งในเรื่องรูปแบบของ ”ความสัมพันธ์ของมหาอำนาจ” และการ ทหารว่า      จะเป็นการดีกว่าหากจะแสวงหาการเกื้อหนุนกันทางเศรษฐกิจมากกว่าที่จะเป็นโครงการส่งกองกำลังเพื่อสร้างอิทธิพลไว้นอกภูมิภาค     ภายใน 2030 กรณีพิพาททะเลจีนใต้จะกลายเป็น ”ทะเลสาบของจีน” ซึ่งเป็นผลมาจากการแสดงตัวของจีนอย่างสม่ำเสมอและเป็นการเสริมอิทธิพลของตนในภูมิภาค.....จากคำรายงานของศูนย์ศึกษายุทธ- ศาสตร์และการต่างประเทศ (CSIS/ Center for Strategic and International Studies, ) ซึ่งออกมาเมื่อเดือนก่อน   และนั่นจะมีผลด้านกลับต่อมาตรการด้านความมั่นคงแทนที่ญี่ปุ่น   ตั้งแต่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงคราม โลกครั้งที่สอง.. สหรัฐฯก็ครองความเป็นเจ้าทะเลในเอเซียอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
 เรือพิฆาต ซุมเวลท์ ในขั้นตอนสุดท้ายที่อู่ต่อเรือพอร์ทแลนด์
“การละเลยที่แสนดี”

นาง เทวี ฟอร์ตูนา อันวาร์  นักวิทยาศาสตร์การเมืองจากสถาบันวิทยาศาสตร์ชาวอินโดนีเซีย ได้กล่าวว่า   “การบริหารงานของบุชได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า    การละเลยต่อภูมิภาคนี้เนื่องมาจากการเข้าไปยึดครองอัฟกานิสถานและตะวันออกกลาง”...    “ ไม่ควรมองว่าภูมิภาคไหนมีความสะดวกสบายเพียงชั่วครั้งชั่วคราว      คุณไม่อาจรักษาความสัมพันธ์ได้เพียงแค่มองไปรอบ ๆตัว     และจะให้ความสนใจก็ต่อเมื่อคุณต้องการเพื่อนเท่านั้น ".

อเล็กซานเดอร์ ซุลลิแวน   ผู้ปฏิบัติงานศูนย์รักษาความปลอดภัยในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า     โอบามาแสวงหาความเป็นเอกภาพในอาเซียนมากกว่าจีน      ข้อเรียกร้องของจีนในพื้นที่ทะเลจีนใต้.. มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ถูกคัดค้านโดยประเทศต่างๆเช่น บรูไน  มาเลเซีย  ฟิลิปปินส์  และเวียดนาม     สองปีที่ผ่านมาจีนได้อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ทางทะเลไปแล้วถึง 3,000 เอเคอร์     เป็นบริเวณของเส้นทางเดินเรือในซึ่งแต่ละปีมีมูลค่าถึง 5,000,000,000,000 ดอลลาร์    และได้มีการก่อสร้างฐานทัพด้วย

ในขณะที่ฟิลิปปินส์และเวียดนามได้ทำการคัดค้านในเรื่องนี้   ประเทศอาเซียนอื่นๆต่างต้องการให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกับจีนที่มีพลังศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจ       ในเดือนพฤศจิกายน รัฐมนตรีกลาโหมของประเทศสมาชิกอาเซียนต่างประสบกับความล้มเหลวในการเจรจากันในการประชุม   ท่าม กลางการแถลงข่าวของจีนที่คัดค้านเกี่ยวกับกรณีพิพาท       ซึ่งคล้ายคลึงกับความล้มเหลวของการประชุมระดับผู้นำในกัมพูชาเมื่อปี 2012


  ความสัมพันธ์ทางการค้าของจีนและสมาคมอาเซียน

ซุลลิแวน กล่าวว่า..”สหรัฐฯมีความพยายามที่จะให้ประเทศกลุ่มอาเซียนรวมเป็นเสียงเดียวร่วมกันในกรณีทะเลจีนใต้”....  “มันไม่ควรจะแยกกันเจรจาทีละประเทศอย่างที่จีนคิด”

อินโดนีเซียไม่ได้มีส่วนพิพาทในกรณีทะเลจีนใต้  และต้องการให้มีการแก้ปัญหาด้วยการเจรจา  ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ได้กล่าวกับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก ในสัปดานี้
เขากล่าวว่า...”ถ้าภูมิภาคนี้ไม่มีความมั่นคง  ภาวะเศรษฐกิจจะตกอยู่ในความยุ่งยาก...อินโดนีเซียต้อง การจะมีบทบาทให้มากขึ้นในการแก้ปัญหาเรื่องทะเลจีนใต้”

นางอันวาร์  ที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดี บีเจ ฮาบีบี ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า...กลุ่มผู้นำอาเซียนอาจจะเห็นด้วยกับสหรัฐฯ    ถึงการให้สัตยาบันในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล    ที่จีนเองก็ได้ร่วมลงนามด้วย ....” ถ้าเราพูดกันด้วยความเคารพในกฎเกณฑ์ของกฎหมาย และข้อบังคับ  การเดินเรือของกลุ่มอนุสัญญาที่ว่าด้วยการเดินเรือของสหประชาชาติ    (UNCLOS /United Nations Convention on the Law of the Sea ) แล้ว ในมือของสหรัฐฯ ย่อมมีความเหนือกว่า มิใช่หรือ?”

บวกกับเหตุผลที่เมื่อเร็วๆนี้คือ  ความหวังของการพิจารณาคดีในช่วงกลาง 2016- โดยศาลระหว่างประเทศเกี่ยวกับกรณีของฟิลิปปินส์ในการต้อสู้กับข้อเรียกร้องของจีนในทะเลจีนใต้     จีนปฏิเสธการ เจรจากับทั้งกลุ่ม (สมาชิกอาเซียน)   เรียกร้องที่จะเจรจาข้อพิพาทแบบตัวต่อตัวเท่านั้น

การเดินสายของ จอห์น เคอรี
จอห์น  เคิอรี  รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ  ได้เริ่มปูพื้นการประชุมที่ซันนี่แลนด์โดยการเยือนลาวในเดือนมกราคม   ซึ่งจะเป็นประธานอาเซียนที่จะเวียนมาในปีนี้...และต่อไปยังกัมพูชาและสิ้นสุดการเดิน ทางที่กรุงปักกิ่ง..ซึ่งได้พูดคุยเรื่องทะเลจีนใต้กับ นายหวัง ยี่ ออน รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเพียงเล็กน้อย

ไม่กี่วันต่อมาสหรัฐได้ส่งเรือรบเข้าไปยังน่านน้ำที่จีนอ้างสิทธิ์   เวียดนามและไต้หวัน ก็ได้ท้าทายอย่าง “ไม่หวั่นเกรง” โดยการเดินเรือเข้าไปยังน่านน้ำที่ทั้งสามประเทศอ้างสิทธิ์     เป็นครั้งที่สองภายในหกเดือน ที่สหรัฐฯ ท้าทายจีน โดยการเดินเรือในเขตน่านน้ำเสรี(ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นเขตน่านน้ำของตน)
โอบามามีความพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งความสัมพันธ์ที่มั่นคงทางด้านเศรษฐกิจกับกลุ่มประเทศอา เซียน โดยชักชวนให้เข้าเป็นสมาชิกในองค์กร ทรานส์ แปซิฟิค(TPP/Trans Pacific Partnership)ซึ่งเป็นองค์กรทางเศรษฐกิจ-การค้าที่พยายามหว่านล้อมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าเป็นสมาชิกร่วมกับ  บรูไน  มาเลเซีย  สิงคโปร์ และเวียดนาม     อินโดนีเซียและไทย ก็ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมด้วย

เส้นทางสายไหม

ในด้านจีนได้ดำเนินโครงการ “เส้นทางสายไหมทางเรือในศตวรรษที่ 21”   สร้างเครือข่ายด้านโครง สร้างพื้นฐานขึ้นในภูมิภาคพร้อมกับการก่อตั้ง “ธนาคารเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของเอเชีย”(AIIB / Asian Infrastructure Investment Bank) ที่รัฐบาลปักกิ่งให้การสนับสนุนอยู่    และในเดือนธันวาคม ฟิลิปปินส์ได้ตกลงในการเข้าร่วมกับ AIIB

แดเนียล  คริตเตนบริงค์   ผู้อำนวยการอาวุโสทางด้านกิจกรรมเอเซียของสภาความมั่นคงแห่งชาติได้กล่าวสรุปย่อในวอชิงตันว่า  “เป็นที่ชัดเจนว่า  จำนวนประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของโลก... รายได้หนึ่งในสามของประชากรทั่วโลกและบางส่วนของกองทัพที่มีความเข้มแข็ง      เป็นแนวโน้มที่เอเชีย-แปซิฟิค กำลังเพิ่มศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและเศรษฐกิจของโลก”......."นั่นจึงเป็นเหตุผล และจุดเริ่มต้นการบริหารของประธานาธิบดีโอบามาที่ได้จัดลำดับความสำคัญในการมีส่วนร่วมกับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค."


No comments:

Post a Comment